สัญญาณไฟจราจร สิ่งที่ต้องปฏิบัติให้ถูกเมื่อใช้รถใช้ถนน

เวลาขับขี่ผ่านแยกต่างๆ สิ่งหนึ่งที่เรามักได้เห็นอยู่เป็นประจำก็คือ "สัญญาณไฟจราจร" ซึ่งมักจะถูกติดเอาไว้ตามแยกต่างๆ โดยเฉพาะแยกที่มีปริมาณของการใช้รถเป็นจำนวนมาก ซึ่งเหตุผลหลักของการมีไฟจราจร ก็คือ เพื่อควบคุมการใช้รถใช้ถนนให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยังช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุอีกด้วย

แต่กระนั้นผู้ขับขี่ก็มักจะไม่ค่อยได้ให้ความสนใจกับไฟจราจรเท่าที่ควรและบางคนยังไม่รู้ถึงความหมายของสัญญาณไฟจราจรที่ถูกต้องอีกด้วย บทความนี้จึงเขียนขึ้นมาเพื่อให้ความรู้ที่ถูกต้องสำหรับผู้ที่ต้องการสอบใบขับขี่ใหม่ ให้ได้รู้และเข้าใจความหมายของไฟจราจรที่ถูกต้อง ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะได้ขับขี่รถบนท้องถนนอย่างปลอดภัย

สัญญาณไฟจราจร

สัญญาณไฟจราจร

  1. สัญญาณไฟสีแดง หมายถึง ให้หยุดรถ
  2. สัญญาณไฟสีเหลืองอำพัน หมายถึง ให้เตรียมหยุดรถ
  3. สัญญาณไฟสีเขียว หมายถึง อนุญาตให้ขับรถผ่านไปได้
ทั้ง 3 สัญญาณไฟนี้เป็นสัญญาณไฟจราจรที่ถูกใช้กันโดยทั่วไป และให้ความหมายเหมือนกันในทุกๆ ที่ที่มีไฟจราจรทั้ง 3 นี้ ซึ่งผู้ขับขี่จะต้องปฏิบัติตามความหมายของไฟจราจรทั้ง 3 นี้อย่างเคร่งครัดโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น

สัญญาณไฟจราจรอื่นๆ

  1. สัญญาณไฟสีแดงที่มีเครื่องหมายรูปกากบาทเฉียงอยู่เหนือช่องเดินรถ หมายถึง ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถผ่านในช่องเดินรถนั้น
  2. สัญญาณไฟกระพริบสีแดง ซึ่งมักจะมีอยู่ตามทางร่วมทางแยก หมายถึง ผู้ขับขี่ต้องหยุดรถหลังเส้นให้รถหยุด และเมื่อเห็นว่าปลอดภัยหรือไม่เป็นการกีดขวางการจราจรจึงให้ขับรถต่อไปด้วยความระมัดระวัง
  3. สัญญาณไฟกะพริบสีเหลือง ซึ่งมักจะมีอยู่ตามทางร่วมทางแยก หมายถึง ผู้ขับขี่ต้องลดความเร็วของรถลงและขับผ่านทางเดินรถนั้นไปด้วยความระมัดระวัง
สัญญาณไฟจราจร ที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนี้ ล้วนแต่เป็นสัญญาณที่สำคัญในการใช้รถใช้ถนนอย่างยิ่ง หากผู้ขับขี่ไม่เข้าใจความหมายที่ถูกต้องและไม่ปฏิบัติตามความหมายที่ถูกต้องของสัญญาณไฟ ก็อาจจะนำพามาซึ่งความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นและตนเองได้ เช่น ทำให้การจราจรติดขัด หรือ ทำให้เกิดอุบัติเหตุ เป็นต้น
ใหม่กว่า เก่ากว่า